Karmakamet Aromatic would like to invite you on a journey to discover the secrets of fragrances from all over the world.
Karmakamet Aromatic would like to invite you on a journey to discover the secrets of fragrances from all over the world.
Date :
Categories
What's NewsKarmakamet Aromatic would like to invite you on a journey to discover the secrets of fragrances from all over the world.
ในประวัติศาสตร์ การใช้กลิ่น ถูกค้นพบเมื่อหลายพันปีก่อน เกิดขึ้นจากมนุษย์ ที่มีการเริ่มใช้งานผัสสะทั้งหมดของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หู ตา จมูก มือ ลิ้น พัฒนาสิ่งต่างๆ ที่ใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้ และสั่งสมประสบการณ์ต่างๆ เพื่อเติมเต็มทุกคำถาม และความต้องการของตนในทุกๆ ด้าน เฉกเช่นเดียวกับสมัยก่อนตามบันทึกที่มนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ผลิตแต่เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการขั้นพื้นฐานของตัวเองเท่านั้น ที่จะถูกแบ่ง และพัฒนาไปตามแต่ละยุค เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากเครื่องมือเครื่องใช้แล้วก็ยังมีในเรื่องของ เครื่องประดับตกแต่ง เสื้อผ้าต่างๆ รวมไปถึงเครื่องหอม ซึ่งก็ยังไม่มีที่มาแน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มีการระบุถึงการใช้งานว่ามีใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณจากหลากหลายอารยธรรม และแหล่งที่มา และต่างออกไปจากเรื่องเล่า ความเชื่อ ประเพณีพื้นเมืองต่างๆ ของแต่ละอารยธรรม และส่วนผสมต่างๆ ที่แตกต่างออกไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งก็มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับแหล่งที่มา ที่เป็นต้นกำเนิดของเครื่องหอมซึ่งมักจะเป็นในแถบเมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และอียิปต์

สัมผัสประสบการณ์ความหอมของดอกไม้ และพืชพรรณธรรมชาติ จากหกมุมโลก ที่ถูกคัดเลือกจากนักปรุงกลิ่น แห่ง Karmakamet จากการออกเดินทางครั้งใหม่ล่าสุด เพื่อค้นหาทึ่สุดแห่งความรื่นรมย์ พร้อมประสบการณ์พิเศษในโลกของกลิ่น ใน The Scent Explorer รูปแบบ Limited edition สุดพิเศษด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ยอดนิยม เทียนหอม ก้านไม้กระจายกลิ่น และถุงหอมแบบดั้งเดิม ที่ผ่านกรรมวิธีแบบฉบับของ Karmakamet Aromatic ผ่าน 6 กลิ่นใหม่

- Chinese Peony : สัมผัสกับกลิ่นหอมของราชาเหล่าดอกไม้ อย่าง Chinese Peony หรือที่รู้จักกันในชื่อ โบตั๋น ดอกไม้สัญลักษณ์ของประเทศจีน เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชีย ตอนใต้ของยุโรป และตะวันตกของอเมริกาเหนือ มีลักษณะของใบเป็นใบประกอบ มีแฉกลึก ดอกใหญ่ และมีกลิ่นหอม มีหลายสี เช่น แดง บานเย็น เหลือง จนถึงขาว ปลูกในดินร่วนซุย ชอบขึ้นในที่ชื้น เป็นพืชที่ชอบความเย็น ดอกจะบานเต็มที่ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย ซื่อสัตย์ โชคลาภ เมตตา และเป็นดอกไม้ที่ใช้แสดงถึงความภาคภูมิใจ และเกียรติยศ ส่งกลิ่นหอมหวาน นุ่ม ละมุน โทน Floral เจือกับความสะอาดสดชื่น ทำให้รู้สึกสบายทุกครั้งที่ได้กลิ่น

- English Bluebell : กลิ่นหอมของดอกไม้ที่สวยงามอันดับต้นๆ ของโลก อย่าง English Bluebell ดอกไม้รูปทรงระฆังสีน้ำเงินปนม่วง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอังกฤษ เป็นพืชป่าพบมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชอบอาศัยอยู่ในเขตอากาศเย็นแต่มีแสงส่องถึงรำไร เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ และถูกให้ความหมายว่าเป็นดอกไม้แสนอ่อนโยน ความเคารพนับถือ ความซื่อสัตย์ และส่งกลิ่นหอมหวานในโทนดอกไม้ ( Floral) ทั้งยังเคล้ากับความสดชื่น เจือกับกลิ่นเขียวจางๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้ในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาล

- Italian Bergamot : ความลับของกลิ่นหอม ที่ได้ชื่อว่าเป็นดั่งราชาแห่งความหอมสดชื่น อย่าง Italian Bergamot หรือ มะกรูด อีกหนึ่งกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ และเป็นที่นิยมอย่างมากในการนำไปปรุงเป็นกลิ่นหอมของน้ำหอม และในอุตสาหกรรมเครื่องหอมหลากหลายรูปแบบ แม้ว่าชื่อที่ใช้งานกันทั่วไปอาจจะเป็น มะกรูด แต่กลิ่นของ อิตาเลี่ยน เบอร์กามอท นั้นไม่เหมือนกับมะกรูดสายพันธุ์ทั่วไปที่เราต่างพบเจอ เพราะสายพันธุ์อิตาเลียนมีกลิ่นหอมที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นกลิ่นโทน ซีตรัส เป็นโน๊ตยอดนิยม มีกลิ่นหอมหวาน สดชื่น เจือกับความเขียวและเปรี้ยวฝาดจางๆ ให้ความรู้สึดสดชื่น และมีพลัง

- Green Yarrow Leaves : สัมผัสกลิ่นของธรรมชาติ กับ Green Yarrow Leaves หรือ ใบของต้นแยร์โรว์ หรือ อชิเลีย เป็นพืชอายุนานกว่า 2,000 ปี มีถิ่นกำเนิดทั่วมุมโลกทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ส่วนดอกมีหลายสี เช่น สีขาว เหลือง ชมพู แดง เป็นพืชที่สามารถนำมาใช้งานได้ทุกส่วน ทั้งดอก ลำต้น ใบ โดยส่วนของดอก และใบสามารถนำมารับประทานได้ และยังนำไปพัฒนาเป็นอาหาร ยา รวมถึงเครื่องหอม มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งภายในและภายนอก บรรเทาวิตกกังวล นอนไม่หลับ ระบบทางเดินหายใจ Green Yarrow Leaves มีกลิ่นที่สะอาด หอม เจือกับความเปรี้ยวฝาด และแทรกด้วยความเขียวสดชื่น คล้ายกับหญ้าที่ตัดใหม่ ที่ปลายกลิ่นนั้นจะเจอกับความสไปซี่เล็กๆ ชวนให้ผ่อนคลายความรู้สึกได้เป็นอย่างดี

- Fresh Yellow Tea Leaves : ค้นพบความหอมที่สกัดกลั่นด้วยวิธีที่ซับซ้อนที่สุดอย่าง Fresh Yellow Tea Leaves หรือ ใบชาเหลือง กลิ่นหอมที่สกัดมาจากใบชาที่มีขั้นตอนในการปลูก และดูแลรักษาอย่างปราณีตที่สุดในตระกูลชา โดยเฉพาะกรรมวิธีการผลิตพิถีพิถันหลายขั้นตอน ตั้งแต่การเก็บใบชาแล้วนำมาม้วนเพื่อเก็บน้ำมันใบชาไว้ พอม้วนเสร็จจึงนำไปทำให้แห้ง เพื่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนสี กลิ่นที่ได้จะเป็นกลิ่นหอมสะอาด สดชื่น เจือกลิ่นเขียวฝาดเล็กๆ ที่ปลายกลิ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวของกลิ่นใบชาเหลือง ให้ความรู้สึกสบาย กระฉับกระเฉงทุกครั้งที่ได้กลิ่น กลิ่นหอมของชาเหลืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากกลิ่นหอมของชาชนิดอื่นๆ

- Indonesian Pink Pepper : ย้อนเวลาไปสัมผัสกลิ่นหอม ที่ถูกค้นพบกว่า 3,000 ปี กับ Indonesian Pink Pepper หรือ พริกไทยชมพู มีต้นกำเนิดจากหลากหลายที่ ไม่ว่าจะพื้นเมืองในแถบตอนใต้ของประเทศอินเดีย แถบทวีปอเมริกาใต้ ในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน มาดากัสการ์ มักนำมาทำเป็นเครื่องปรุงอาหารเป็นหลัก เนื่องจากมีกลิ่นฉุน และรสชาติเผ็ดร้อนเฉพาะตัว จึงเป็นที่นิยม และถูกส่งต่อกันไปในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงยังนำมาทำเครื่องหอมที่ให้กลิ่นหอมสดชื่นของเครื่องเทศ และหลังจากใช้งานไปสักพักหนึ่งจะเจอกับความอบอุ่นเจืออยู่ที่ปลายกลิ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโทนกลิ่นสไปซี่ ให้ความรู้สึกโล่งสบายทุกครั้งที่ได้กลิ่น

มาร่วมสัมผัสการเดินทางที่แสนพิเศษนี้ผ่าน “กลิ่น” ด้วยตัวคุณเอง ในผลิตภัณฑ์ชุด The Scent Explorer ได้ที่ Karmakamet Aromatic ทุกสาขา และช่องทาง Online Shop ดังนี้
Featured Posts
Karmakamet Aromatic “The Scent Explorer”
Karmakamet Aromatic Discovering the World of Scents กลิ่น อนุภาคทางเคมี ที่กระจายตัวอยู่ในอากาศ โดยสิ่งมีชีวิตนั้นสามารถรับรู้ได้ด้วยอวัยวะรับกลิ่น นั้นก็คือ จมูก กลิ่นโดยทั่วไปแล้วแบ่งเป็นกลิ่นหอม และกลิ่นเหม็น แตกต่างกันออกไปโดยส่งผลต่อระดับความพึงพอใจของทั้งมนุษย์ และสัตว์ โดยตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันมีการนำประโยชน์ของกลิ่นแต่ละกลิ่นจากทุกสิ่งที่มีกลิ่นมาใช้ประโยชน์ในหลากหลายด้าน ในประวัติศาสตร์ การใช้กลิ่น ถูกค้นพบเมื่อหลายพันปีก่อน เกิดขึ้นจากมนุษย์ ที่มีการเริ่มใช้งานผัสสะทั้งหมดของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หู ตา จมูก มือ ลิ้น พัฒนาสิ่งต่างๆ ที่ใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้ และสั่งสมประสบการณ์ต่างๆ เพื่อเติมเต็มทุกคำถาม และความต้องการของตนในทุกๆ ด้าน เฉกเช่นเดียวกับสมัยก่อนตามบันทึกที่มนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ผลิตแต่เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการขั้นพื้นฐานของตัวเองเท่านั้น ที่จะถูกแบ่ง และพัฒนาไปตามแต่ละยุค เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากเครื่องมือเครื่องใช้แล้วก็ยังมีในเรื่องของ เครื่องประดับตกแต่ง เสื้อผ้าต่างๆ รวมไปถึงเครื่องหอม ซึ่งก็ยังไม่มีที่มาแน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มีการระบุถึงการใช้งานว่ามีใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณจากหลากหลายอารยธรรม และแหล่งที่มา และต่างออกไปจากเรื่องเล่า ความเชื่อ ประเพณีพื้นเมืองต่างๆ ของแต่ละอารยธรรม และส่วนผสมต่างๆ ที่แตกต่างออกไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งก็มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับแหล่งที่มา ที่เป็นต้นกำเนิดของเครื่องหอมซึ่งมักจะเป็นในแถบเมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และอียิปต์ 1. Chinese Peony : สัมผัสกับกลิ่นหอมของราชาเหล่าดอกไม้ อย่าง Chinese Peony หรือที่รู้จักกันในชื่อ โบตั๋น ดอกไม้สัญลักษณ์ของประเทศจีน เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชีย ตอนใต้ของยุโรป และตะวันตกของอเมริกาเหนือ มีลักษณะของใบเป็นใบประกอบ มีแฉกลึก ดอกใหญ่ และมีกลิ่นหอม มีหลายสี เช่น แดง บานเย็น เหลือง จนถึงขาว ปลูกในดินร่วนซุย ชอบขึ้นในที่ชื้น เป็นพืชที่ชอบความเย็น ดอกจะบานเต็มที่ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวย ซื่อสัตย์ โชคลาภ เมตตา และเป็นดอกไม้ที่ใช้แสดงถึงความภาคภูมิใจ และเกียรติยศ ส่งกลิ่นหอมหวาน นุ่ม ละมุน โทน Floral เจือกับความสะอาดสดชื่น ทำให้รู้สึกสบายทุกครั้งที่ได้กลิ่น 2. English Bluebell : กลิ่นหอมของดอกไม้ที่สวยงามอันดับต้นๆ ของโลก อย่าง English Bluebell ดอกไม้รูปทรงระฆังสีน้ำเงินปนม่วง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอังกฤษ เป็นพืชป่าพบมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ชอบอาศัยอยู่ในเขตอากาศเย็นแต่มีแสงส่องถึงรำไร เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ และถูกให้ความหมายว่าเป็นดอกไม้แสนอ่อนโยน ความเคารพนับถือ ความซื่อสัตย์ และส่งกลิ่นหอมหวานในโทนดอกไม้ ( Floral) ทั้งยังเคล้ากับความสดชื่น เจือกับกลิ่นเขียวจางๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้ในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาล 3. Italian Bergamot : ความลับของกลิ่นหอม ที่ได้ชื่อว่าเป็นดั่งราชาแห่งความหอมสดชื่น อย่าง Italian Bergamot หรือ มะกรูด อีกหนึ่งกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ และเป็นที่นิยมอย่างมากในการนำไปปรุงเป็นกลิ่นหอมของน้ำหอม และในอุตสาหกรรมเครื่องหอมหลากหลายรูปแบบ แม้ว่าชื่อที่ใช้งานกันทั่วไปอาจจะเป็น มะกรูด แต่กลิ่นของ อิตาเลี่ยน เบอร์กามอท นั้นไม่เหมือนกับมะกรูดสายพันธุ์ทั่วไปที่เราต่างพบเจอ เพราะสายพันธุ์อิตาเลียนมีกลิ่นหอมที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นกลิ่นโทน ซีตรัส เป็นโน๊ตยอดนิยม มีกลิ่นหอมหวาน สดชื่น เจือกับความเขียวและเปรี้ยวฝาดจางๆ ให้ความรู้สึดสดชื่น และมีพลัง 4. Green Yarrow Leaves : สัมผัสกลิ่นของธรรมชาติ กับ Green Yarrow Leaves หรือ ใบของต้นแยร์โรว์ หรือ อชิเลีย เป็นพืชอายุนานกว่า 2,000 ปี มีถิ่นกำเนิดทั่วมุมโลกทั้งเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ส่วนดอกมีหลายสี เช่น สีขาว เหลือง ชมพู แดง เป็นพืชที่สามารถนำมาใช้งานได้ทุกส่วน ทั้งดอก ลำต้น ใบ โดยส่วนของดอก และใบสามารถนำมารับประทานได้ และยังนำไปพัฒนาเป็นอาหาร ยา รวมถึงเครื่องหอม มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งภายในและภายนอก บรรเทาวิตกกังวล นอนไม่หลับ ระบบทางเดินหายใจ Green Yarrow Leaves มีกลิ่นที่สะอาด หอม เจือกับความเปรี้ยวฝาด และแทรกด้วยความเขียวสดชื่น คล้ายกับหญ้าที่ตัดใหม่ ที่ปลายกลิ่นนั้นจะเจอกับความสไปซี่เล็กๆ ชวนให้ผ่อนคลายความรู้สึกได้เป็นอย่างดี 5. Fresh Yellow Tea Leaves : ค้นพบความหอมที่สกัดกลั่นด้วยวิธีที่ซับซ้อนที่สุดอย่าง Fresh Yellow Tea Leaves หรือ ใบชาเหลือง กลิ่นหอมที่สกัดมาจากใบชาที่มีขั้นตอนในการปลูก และดูแลรักษาอย่างปราณีตที่สุดในตระกูลชา โดยเฉพาะกรรมวิธีการผลิตพิถีพิถันหลายขั้นตอน ตั้งแต่การเก็บใบชาแล้วนำมาม้วนเพื่อเก็บน้ำมันใบชาไว้ พอม้วนเสร็จจึงนำไปทำให้แห้ง เพื่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนสี กลิ่นที่ได้จะเป็นกลิ่นหอมสะอาด สดชื่น เจือกลิ่นเขียวฝาดเล็กๆ ที่ปลายกลิ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวของกลิ่นใบชาเหลือง ให้ความรู้สึกสบาย กระฉับกระเฉงทุกครั้งที่ได้กลิ่น กลิ่นหอมของชาเหลืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากกลิ่นหอมของชาชนิดอื่นๆ 6. Indonesian Pink Pepper : ย้อนเวลาไปสัมผัสกลิ่นหอม ที่ถูกค้นพบกว่า 3,000 ปี กับ Indonesian Pink Pepper หรือ พริกไทยชมพู มีต้นกำเนิดจากหลากหลายที่ ไม่ว่าจะพื้นเมืองในแถบตอนใต้ของประเทศอินเดีย แถบทวีปอเมริกาใต้ ในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน มาดากัสการ์ มักนำมาทำเป็นเครื่องปรุงอาหารเป็นหลัก เนื่องจากมีกลิ่นฉุน และรสชาติเผ็ดร้อนเฉพาะตัว จึงเป็นที่นิยม และถูกส่งต่อกันไปในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงยังนำมาทำเครื่องหอมที่ให้กลิ่นหอมสดชื่นของเครื่องเทศ และหลังจากใช้งานไปสักพักหนึ่งจะเจอกับความอบอุ่นเจืออยู่ที่ปลายกลิ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโทนกลิ่นสไปซี่ ให้ความรู้สึกโล่งสบายทุกครั้งที่ได้กลิ่น Karmakamet Aromatic อยากชวนคุณออกเดินทางไปค้นพบความลับของ กลิ่น ไปพร้อมๆ กับ นักปรุงกลิ่น แห่ง Karmakamet Aromatic ที่จะพาคุณไปท่องโลกของกลิ่นที่เต็มไปด้วยความลับ และความน่าค้นหา เพื่อให้ได้มาซึ่งกลิ่นหอมจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อให้คุณได้เข้าถึงกลิ่นที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุดกับ Karmakamet Aromatic “The Scent Explorer” 6 กลิ่นใหม่สุดพิเศษ
2022-08-03
The Secret of Scent : Peppermint
The Secret of Scent: Peppermint ตำนานเรื่องเล่ากล่าวเอาไว้ว่า มินธี เป็นนางอัปสรที่ฮาเดสผู้ครองยมโลกหลงใหล จนใคร่อยากได้มาครอบครอง ทว่าเมื่อเรื่องถึงหูเพอร์ซีโฟนีผู้เป็นชายา ด้วยความหึงหวงริษยาจึงทำให้เพอร์ซีโฟนีสาปให้มินธีกลายเป็นพืช ด้วยความสงสาร ฮาเดสจึงทำให้มินธีกลายเป็นพืชที่มีกลิ่นหอมหวน และกลายเป็นที่มาของ มินต์ พืชที่มีคุณประโยชน์และมีค่าเกินกว่าจะประเมินได้ ในสมัยอิยิปต์โบราณมีบันทึกไว้ในม้วนกระดาษปาปิรุสเมื่อ 1550 ปีก่อนคริสตกาลว่ามีการใช้ใบมินต์ในการรักษาอาการปวดท้อง และมินต์ยังมีคุณค่าสูงขนาดที่ว่าชาวอิยิปต์ใช้แทนสกุลเงินตราเลยทีเดียว นักปรัชญาชาวโรมันบันทึกไว้ว่าเปปเปอร์มินต์ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร และยังมีบันทึกต่อไปว่าหากนำใบมินต์มาร้อยเป็นมงคลสวมศรีษะกลิ่นของมินต์จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและความรู้สึกทางใจอีกด้วย ชาวกรีกเชื่อว่ามินต์กระตุ้นเร้าความรู้สึกทางเพศจึงมีการห้ามทหารบริโภคมินต์เพื่อป้องกันการออกนอกวินัย เปปเปอร์มินต์มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาเหนือและเมดิเตอร์เรเนียน และเข้าไปถึงยุโรปในราวศตวรรษที่ 18 โดยถูกนำไปใช้ในการปรุงอาหารและเป็นสมุนไพรรักษาโรค บันทึกด้านเวชศาสตร์ของไอซแลนด์ปี 1240 ระบุว่ามีการใช้มินต์ในการบำบัดโรค แต่กว่าที่มินต์จะแพร่หลายและเป็นที่นิยมก็กินเวลาถึงสองศตวรรษ นักบวชในยุคกลางใช้มินต์ในการขัดฟัน และในยุคเดียวกันนี้คนทำชีสก็เริ่มหันมาใช้กลิ่นของมินต์ในการไล่หนูออกจากห้องเก็บชีสด้วย เวชศาสตร์อังกฤษเริ่มนำมินต์มาใช้ในการรักษาในราวปี 1721 และถูกบันทึกไว้ว่าใช้บำบัดรักษาอาการป่วยได้หลายอย่างตั้งแต่ อาการเจ็บคอ, กามโรค, ไข้ และอาการปวดศรีษะ เมื่อชาวอังกฤษไปตั้งถิ่นฐานในอเมริกา ก็พบว่าชาวอินเดียแดงพื้นเมืองรู้ถึงประโยชน์จากการใช้มินต์อยู่แล้ว สรรพคุณที่มีอยู่อย่างมากมาย นอกจากใช้ในการปรุงอาหารแล้ว ด้วยคุณสมบัติของสมุนไพรเย็นยังสามารถใช้บรรเทาแผลไฟลวก ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และยังขจัดแบคทีเรียรวมถึงจุลชีพอื่นได้ ทั้งยังช่วยลดอาการปวดและป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย เรียกได้ว่าทุกส่วนของต้นนั้นมีคุณลักษณะที่เป็นยา อีกทั้งมีสารประกอบฟีนอลอย่าง ฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ, ต้านมะเร็ง และ โรคหัวใจ เปปเปอร์มินต์ที่ใช้กันแพร่หลายทั่วโลกในปัจจุบันเป็นพันธุ์ผสมระหว่างวอเตอร์มินต์กับสเปียร์มินต์ ซึ่งสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันเพื่อใช้ได้ประโยชน์มากมายหลายอย่าง น้ำมันเปปเปอร์มินต์สกัดได้จากส่วนใบ ว่ากันว่าการเก็บใบมินต์ควรทำในวันที่มีแดดแรงเพราะเมนทอลในมินต์จะมีปริมาณสูงสุด น้ำมันจากมินต์ก็ได้จากเมนทอลเป็นหลักนั่นเอง คุณประโยชน์ที่ได้จากน้ำมันเปปเปอร์มินต์ที่สามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ, ปวดท้อง, ดูแลผิวพรรณ,ช่วยลดอาการไข้ อาการไอ, คัดจมูก, หอบหืด รวมถึงอาการหลอดลมอักเสบ, ขับเสมหะ, ลดอาการแพ้ต่างๆ, บรรเทาอาการคันและระคายเคืองที่ผิวหนัง, และบรรเทาอาการปวดข้อได้แล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ น้ำมันมินต์ยังสามารถช่วยลดน้ำหนัก เพราะการสูดดมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยมินต์จะช่วยลดความอยากอาหารลงได้อีกด้วย นอกจากนี้น้ำมันจากมินต์ยังช่วยให้เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมีสมาธิและความตื่นตัวได้ดีขึ้น น้ำมันที่สกัดได้จากมินต์ยังมีประสิทธิภาพดีกว่าน้ำยาบ้วนปากทั่วไปที่มีส่วนผสมของสารเคมี เนื่องจากน้ำมันมินต์สามารถป้องกันไบโอฟิล์มที่เป็นสาเหตุของฟันผุได้ และยังป้องกันการเกิดกลิ่นปากโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี (วิธิใช้คือหยดลงบนยาสีฟันก่อนแปรงตามปกติ) น้ำมันจากมินต์มีสารไลโปฟิลิกตามธรรมชาติจึงสามารถช่วยลดอาการและผื่นคันจากโรคเริม(หรืองูสวัด)ได้ และน้ำมันหอมระเหยจากเปปเปอร์มินต์ยังเป็นน้ำมันที่ถูกใช้มากที่สุดทั้งในด้านเวชภัณฑ์และพานิชย์ภัณฑ์ ในปัจจุบันจะพบได้ว่า มีการนำ เปปเปอร์มินต์ มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รสเปปเปอร์มินต์ ทั้งลูกอม หมากฝรั่ง และช็อกโกแลต ซึ่งเป็นรสที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก นับได้ว่า เปปเปอร์มินต์ เป็นพืชพรรณที่ทรงคุณค่าเหมาะอย่างยิ่งแก่การครอบครอง ด้วยเพราะประโยชน์ที่มีอยู่อย่างมากมาย ทั้งประกอบอาหาร ผลิตเป็นยารักษาโรค และยังสามารถช่วยให้รู้สึกสดชื่นเมื่อได้กลิ่นอีกด้วย
2022-07-18
Awake & Alive
You are not the only one who wishes to know what life is... As time has passed, the answer has changed constantly. During each stage of life, we always get different answers towards time. And, it's impossible to compare the meaning of life with the object. If we were born in a deserted place without anything, life would still appear as-is. Finding the meaning of life by comparing it with objects; therefore, is not adequate. Though there is knowledge about life, no one could realize its power without awakening from thoughts and dreams to experience the power of here and now. Awake & Alive Like never before, complex systems and the ocean of views in the modern world disturb the purpose and obscure the beauty of our lives. We live in an era where our happiness depends on people's opinions, though those people have barely known us... Awake & Alive campaign aims to remind you things that you might have forgotten, the source of empowerment, which is the unconditional happiness that is hidden inside us.
2020-05-14